วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ประวัติ ไผ่ พงศธร ศรีจันทร์


จากเด็กชายที่เกิดมาในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในหมู่บ้านสร้างแต้ อ.กุดชุม จ.ยโสธรเด็กชายคนนั้นได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวมีอดบ้างมีกินบ้าง คละเคล้ากันไปตามสภาพสังคมชนบท กาลเวลาผ่าน ไปจนเขาเติบใหญ่ และเรียนจนจบมัธยมปลาย เขาจึงเดินทางเข้ากรุงเทพด้วยความคิดแต่เพียงว่ามาช่วยพี่สาวขายลาบแต่แล้วชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อมีคนเห็นแววและพยายามผลักดันกันอยู่หลายปี จนเขได้มีโอกาสทำเพลงกับค่ายกับแกรมมี่โกลด์ใน ชื่อชุดว่า?ฝนรินในเมืองหลวง?ไผ่ พงศธร เกิดเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2525 มีพี่น้อง 4 คนไผ่จะเป็นคนสุดท้ายที่บ้านมีอาชีพทำนาและพ่อแม่จะมีอาชีพเสริมคือเล่นหมอลำชีวิตในวัยเด็กของไผ่ จะเป็นครอบครัวที่ลำบากด้วยความยากจน พ่อแม่ไผ่ต้องพาครอบครัวออกไปอยู่ที่นาที่ห่างจากหมู่บ้านออกไปประมาณ3 ก.ม. โดยปลูกเป็นกระต๊อบเล็กๆที่แทบจะกันแดดกันฝนได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรเลยนอกจากวิทยุทรานซิสเตอร์และทีวีขาวดำขนาดเล็กที่เวลาดูต้องต่อไฟจากแบตเตอรี่ จนต่อมาเมื่อขึ้นชั้น ม.4 พ่อของไผ่ก็เสียชีวิต ในช่วงนั้นถือเป็นการหักเพชีวิตครั้งใหญ่เพราะพ่อคือเสาหลักของบ้าน ไผ่ต้องตัดสินใจออกไปทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวเพิ่มขึ้น และเป็นจังหวะเดียวกันกับคณะหมอลำแถวบ้านที่ไผ่มักชอบไปนั่งดูการแสดงเสมอขาดนักแสดงหน้าวงพอดีเขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมวงหมอลำทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่เด็กยกเครื่องและเต้นโชว์หน้าเวที ร่วมคณะอยู่ประมาณ2ปี ทางวงหมดหน้างานจึงทำให้เด็กในวงลำบากจนต้องออกมา?ลำขอข้าว?เป็นการลำในหมู่บ้านเพื่อขอข้าวจากบ้านต่างๆจะถือกระบุง กระสอบบ้างตระเวนไปตามหมู่บ้านต่างๆเพื่อขอข้าวมาขายแล้วเลี้ยงในวงที่ไม่มีงาน ทำอยู่ได้ไม่นานก็ต้องแยกย้ายกันไป เพราะเงินไม่พอเลี้ยงเด็กในวง ในช่วงที่อยู่บ้าน ไผ่ได้รู้จักกับ หยก ลูกหยี (จิตรชัย ภวังคาม)จากการชักชวนของญาติ หยกได้ชักชวนอยากให้ไผ่ได้เป็นนักร้อง ด้วยการทำเดโมเพื่อไปเสนอตามค่ายเพลงต่างๆสลับการประกวดร้องเพลงจากเวทีต่างๆ และก็ได้ห่างกันไป เล่นหมอลำและเรียนหนังสืออยู่จนจบ ม.6 จากนั้นพี่สาวก็ให้ไผ่ เข้ากรุงเทพฯ มาช่วยขายลาบแถวราษฏร์บูรณะ ไม่ว่าจะล้างจาน เด็กเสิร์ฟ ทำความสะอาด และต่อมาได้รับการติดต่อจากหยก เพื่อจะนำเสนองานเพลงกับค่ายเพลงอีกครั้งในช่วงนั้นไผ่จึงตัดสินใจแยกออกมาจากพี่สาวเพื่อทำเพลงเสนอค่ายเพลงอีกครั้งช่วงนั้นเป็นช่วงของความลำบากของไผ่ หยก และเพื่อนๆเป็นอย่างมาก บางวันมีเงินรวมกันแล้วได้แค่ 5 บาทต้องเอาเงินซื้อข้าวเปล่ามา 1 ถุงส่วนกับข้าว ไม่ต้องพูดถึงไม่มีอยู่แล้วเพราะมีเงินแค่นั้นจึงต้องใช้วิธีขอน้ำปลาจากร้านที่ซื้อข้าวโดยเทใส่ถุงเล็กๆมาด้วย พอถึงห้องก็ใช้น้ำปลาราดข้าวและด้วยความที่ไม่มีเงินทั้งจานและช้อนกินข้าวก็เลยไม่มี พอไม่มีช้อนก็เลยเอามีดตัดขวดพลาสติกมาทำเป็นช้อนแบ่งกันคนละนิดละหน่อยจนบางครั้งถึงขนาดที่ไม่ได้กินข้าวถึง 2 วัน เพราะไม่มีเงิน ซื้อจนบางครั้งต้องเอาบัตรประชาชนไปเซ็นร้านค้าแถวนั้นแต่พอบ่อยๆก็ไม่ให้เซ็นแม้กระทั่งขึ้นรถเมล์ยังไม่มีเงินจำต้องเดินเป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตรเลยทีเดียวหรืออย่างบางครั้งต้องเดินดูตามตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อดูว่ามีเงินที่ค้างอยู่ตามช่องคืนเหรียญบ้างหรือเปล่าบางครั้งต้องเดินเป็นสิบๆ ตู้ซึ่งก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง ถ้าได้ก็แค่ประมาณ4 ? 5 บาทเท่านั้น ไผ่บอกว่าช่วงนั้นอย่าว่าแต่เรื่องของอนาคตเลยไม่มีความหวังเขาคิดแคเพียงว่า วันพรุ่งนี้จะเอาอะไรมากินแค่นั้นเองชีวิตเป็นแบบนี้อยู่นานและบ่อยครั้งที่ไผ่ท้ออยู่หลายครั้ง และคิดเลิกจะเป็นนักร้องในที่สุดไผ่ก็ตัดสินใจไปช่วยพี่สาวขายลาบอีกครั้ง แต่จากนั้นไม่นานโชคชะตาก็เข้าข้างเมื่อหยกได้พบอ.สลาและนำเดโมที่เคยทำให้ อ.สลาลองได้ฟัง จน อ.สลาสนใจและเรียกเข้าไปสกรีนเทสต์ที่แกรมมี่ในครั้งแรกไผ่ไม่เชื่อหยกว่าเป็นเรื่องจริง เพราะเค้ามีความคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ยากที่จะเข้ามาแกรมมี่ได้จนในที่สุดได้สกรีนเทสต์ และได้เซนต์สัญญา จนได้ออกอัลบั้มในที่สุด ช่วงรอทำอัลบั้ม ทางบริษัท แกรมมี่โกลด์ ก็หางานให้ทำ โดยส่งให้ขึ้นเวทีวงไมค์ ภิรมย์พร เป็นครั้งแรก เพื่อฝึกฝนตัวเองและเก็บเกี่ยวประสบการณ์หน้าเวทีให้ดีขึ้น ซึ่งในช่วงนั้นก็นำเพลงของนักร้องรุ่นพี่อย่าง เอกพล มนต์ตระการ มาขับร้อง เพราะยังไม่มีเพลงเป็นของตัวเอง กับอัลบั้มแรกในชีวิต?ฝนรินในเมืองหลวง? จากนั้นการเริ่มต้นของชีวิตนักร้องก็เกิดขึ้น แกรมมี่โกลด์ ได้ใช้เวลาบ่มเพาะร่วม 2 ปีอัลบั้มชุดนี้จึงเกิดขึ้นภายใต้การดูแลของครูสลา คุณวุฒิ?กลุ่มดาวรุ่งลูกทุ่งติดดาว? และนักแต่งเพลงดาวรุ่ง วสุ ห้าวหาญ โดยมี สิงห์เฒ่า ทุ่งขี้เหล็ก เป็นผู้สร้างสรรค์งานดนตรี มีหลากหลายบทเพลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น